ด้วยลักษณะความสำคัญของ ของพรีเมี่ยม หรือ ของที่ระลึกพรีเมี่ยม นั้น นับได้ว่าเป็นสิ่งที่สามารถสร้างมูลค่าที่ดีให้กับองค์กรหรือบริษัทต่าง ๆ เป็นอย่างมาก เพราะของขวัญหรือของที่ระลึกมีส่วนช่วยในการส่งเสริมแบรนด์สามารถทำให้แบรนด์เป็นเป็นที่รู้จักและจดจำ พร้อมทั้งยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรหรือบริษัทนั้น ๆ ได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้การออกแบบและการผลิตของขวัญหรือของที่ระลึกให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายหรือผู้รับนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก หลัก ๆ แล้วจำเป็นจะต้องเป็นของที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ทันสมัย และมีคุณภาพมากพอที่จะทำให้ผู้รับได้เห็นถึงคุณค่าได้ และจะต้องตอบโจทย์ความต้องการให้กับผู้รับได้ร่วมด้วย และสำหรับในบทความนี้ ทางเราจึงอยากจะนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ “วิธีการเพิ่มคุณค่าให้กับของที่ระลึกหรือของขวัญพรีเมี่ยมด้วยงบประมาณที่จำกัด” ซึ่งนับได้ว่าเป็นข้อมูลดี ๆ สำหรับองค์กรและบริษัทที่ต้องการทำการตลาดด้วยของที่ระลึกหรือของขวัญพรีเมี่ยมโดยตรง ถ้าพร้อมแล้วไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้เลยค่ะ
1. เน้นที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ และเน้นผลิตแบบ Limited Edition
การเลือกผลิต ของพรีเมี่ยม จำนวนน้อยแต่คุณภาพดี และเน้นผลิตแบบ Limited Edition ถือได้ว่ามีข้อดีหลายประการด้วยกัน นอกจากจะช่วยประหยัดงบประมาณได้แล้ว ยังทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงคุณค่าและความใส่ใจของแบรนด์ อีกทั้งการผลิตแบบ Limited Edition จะช่วยสร้างความรู้สึกพิเศษและเพิ่มคุณค่าให้กับของ ขวัญพรีเมี่ยมโดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนมาก วิธีนี้อาจทำได้โดยการระบุหมายเลขกำกับบนสินค้าแต่ละชิ้น หรือการออกแบบที่เปลี่ยนไปในแต่ละครั้งที่ผลิต
ยกตัวอย่างเช่น เลือกออกแบบของขวัญให้มีลักษณะเป็นเสื้อยืดที่มีลายพิมพ์โดยเฉพาะในแต่ละซีซั่น วิธีนี้จะทำให้ของพรีเมี่ยมกลายเป็นของสะสมที่มีคุณค่า หรือ การแจกปากกาพลาสติกราคาถูกที่ถูกผลิตขึ้นเป็นจำนวนมาก คุณสามารถเปลี่ยนมาเลือกผลิตของขวัญ ของที่ระลึกในรูปแบบปากกาโลหะคุณภาพดีในจำนวนที่น้อยลงได้
2. ออกแบบของขวัญ ของที่ระลึกให้โดนใจผู้รับ
การออกแบบ ของพรีเมี่ยม ให้โดนใจผู้ที่ได้รับของหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการเพิ่มคุณค่าให้กับของขวัญหรือของที่ระลึกโดยตรง ยิ่งถ้าหากเป็นของที่ระลึกหรือของขวัญที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งมีประโยชน์แฝงในการช่วยโปรโมตแบรนด์ เมื่อผู้รับสามารถนำของที่ได้มาใช้งานบ่อยครั้ง จะยิ่งส่งผลทำให้ผู้รับได้เห็นคุณค่า นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการตอกย้ำแบรนด์เพื่อให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น พาวเวอร์แบงค์ที่มีโลโก้บริษัท หรือถุงผ้าพับเก็บได้ที่สะดวกพกพา สิ่งเหล่านี้จะถูกใช้งานบ่อยและทำให้แบรนด์อยู่ในสายตาของลูกค้าเสมอนั่นเอง
แต่ก็ยังคงมีอีกหลาย ๆ คนที่เกิดความกังวลใจเกี่ยวกับการออกแบบของแจกลูกค้าหรือของขวัญพรีเมี่ยมในแต่ละครั้ง เพราะกลัวว่าจะเป็นของขวัญหรือของแจกลูกค้าชนิดเดียวกันกับที่หลายธุรกิจได้ออกแบบและมีอยู่แล้วในท้องตลาด แต่ในยุคปัจจุบันทางด้านโรงงานหรือบริษัทที่เปิดรับผลิตของขวัญ ของที่ระลึกส่วนใหญ่ จะสามารถออกแบบให้มีความหลากหลายได้ ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้าพรีเมี่ยมได้มากยิ่งขึ้น ส่งผลทำให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลใจอีกต่อไป
3. ควรเป็น ของพรีเมี่ยม ที่แปลกใหม่
ของขวัญพรีเมี่ยมที่ดูแปลกใหม่ ทันสมัย ดูแปลกตา พร้อมทั้งสามารถตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบใหม่ ๆโดยมุ่งเน้นไปที่ความคิดสร้างสรรค์ มีการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด มีการใช้ไอเดียและการสร้างฟังก์ชันการใช้งานที่แปลกใหม่ ต่อให้วัสดุที่นำมาผลิตจะราคาไม่แพง แต่ถ้าดีไซน์โดดเด่น ก็สามารถสร้างความประทับใจได้ ซึ่งความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้จะทำให้ของพรีเมี่ยมดูมีมูลค่าสูงกว่าต้นทุนจริงได้นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น จากแก้วน้ำธรรมดา ๆ คุณสามารถออกแบบให้ตัวแก้วมีลวดลาย หรือไม่อาจจะเป็นแก้วน้ำที่เปลี่ยนสีเมื่อใส่น้ำเย็นลงไป เป็นต้น
4. ควรปรับแต่งให้เข้ากับแบรนด์ร่วมด้วย
การเพิ่มเอกลักษณ์ของแบรนด์ลงบนของแจกลูกค้า ไม่เพียงแต่จะช่วยในการจดจำแบรนด์เพียงเท่านั้น แต่ยังสามารถเพิ่มความรู้สึกเฉพาะตัวให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งวิธีการนี้อาจรวมไปถึงการใช้สีประจำแบรนด์ การพิมพ์โลโก้ หรือ การสลักสโลแกนลงไปบนของขวัญ ของแจกลูกค้า นอกจากนี้ ทุกท่านยังสามารถออกแบบของขวัญเหล่านี้ให้สะท้อนคุณค่าหรือภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ร่วมด้วย
5. เน้นใช้บรรจุภัณฑ์ที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นสำคัญ
วัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี จะสามารถช่วยเพิ่มความหรูหราและเพิ่มมูลค่าให้กับ ของพรีเมี่ยม ได้เป็นอย่างมาก โดยไม่จำเป็นจะต้องใช้งบประมาณสูงแต่อย่างใด
ยกตัวอย่างเช่น เลือกใช้กล่องที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อื่นได้ หรือกระเป๋าผ้าที่ใช้เป็นบรรจุภัณฑ์และสามารถนำไปใช้ใส่สิ่งของต่าง ๆ ได้อีก ซึ่งวิธีนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มมูลค่าให้กับของขวัญพรีเมี่ยมเพียงเท่านั้น แต่ยังช่วยลดขยะและแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมของแบรนด์หรือธุรกิจได้อีกด้วย
6. ควรใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ทุกองค์กรไม่ควรพลาด เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาวให้กับองค์กรหรือบริษัทที่ต้องมีของขวัญ ของที่ระลึกไว้ทำการตลาดโดยตรง แต่ยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์หรือองค์กร และยังสามารถใช้เป็นจุดขายและสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่น การใช้พลาสติกรีไซเคิลในการผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียน หรือ การใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิคในการผลิตถุงผ้า เป็นต้น
7. ควรสร้าง Brand Story เพื่อให้แบรนด์มีเรื่องเล่า
การสร้างเรื่องราวหรือ Brand Story นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียในการเพิ่มมูลค่าให้กับ ของพรีเมี่ยม ด้วยงบประมาณที่จำกัด โดย Brand Story ที่ถูกโยงไปกับของขวัญพรีเมี่ยม จะสามารถเพิ่มคุณค่าทางอารมณ์และความผูกพันกับแบรนด์ได้ นอกจากนี้ยังนับได้ว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ ทำให้เกิดการจดจำแบรนด์ได้มากยิ่งขึ้น เหมือนกับว่าหากลูกค้าได้ยินเรื่องราวเหล่านี้จะต้องนึกถึงแบรนด์ได้อย่างแน่นอน วิธีการนี้จึงนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะองค์กรหรือบริษัทใหญ่ ๆ มักจะสร้าง Brand Story ให้ทุกคนต้องจดจำอยู่เสมอ
8. เลือกใช้เทคนิคการผลิตที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับของพรีเมี่ยมด้วยงบประมาณที่จำกัดได้นั้น นั่นก็คือ การเลือกใช้เทคนิคในการผลิตที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับของที่ระลึกสุดพรีเมี่ยมโดยตรง ซึ่งจะช่วยทำให้ของที่ระลึกดูสวย มีเอกลักษณ์ และเป็นที่น่าจดจำได้มากยิ่งขึ้น โดยเทคนิคการผลิตที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มที่ได้รับความนิยม มีดังนี้
- การพิมพ์ 3D
เทคนิคนี้สามารถสร้างรูปทรงที่ซับซ้อนและเป็นเอกลักษณ์ เช่น โมเดลจำลองอาคารสำนักงานของบริษัท หรือตัวการ์ตูนมาสคอต ซึ่งดูมีมูลค่าสูงแม้ผลิตจากพลาสติกราคาไม่แพง
- การแกะสลักเลเซอร์
เหมาะสำหรับวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้ อะคริลิคหรือหนัง สามารถสร้างลวดลายที่ละเอียดที่ไม่สามารถทำได้ด้วยมือ เช่น แกะสลักโลโก้บริษัทบนกล่องไม้ใส่นามบัตร เป็นต้น
- การปั๊มนูนหรือดุนให้นูน
สามารถใช้กับกระดาษหรือหนัง สร้างมิติและความรู้สึกสัมผัสที่น่าสนใจ เช่น นามบัตรที่มีโลโก้แบบนูน หรือปกสมุดโน้ตหนังเทียมที่มีข้อความดุนนูน เป็นต้น
9. ของที่ระลึก ของขวัญพรีเมี่ยมที่โยงเข้ากับเทศกาลและโอกาสพิเศษ
อีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับ ของพรีเมี่ยม ได้ด้วยงบประมาณที่จำกัด ก็คือ การผลิตของขวัญพรีเมี่ยมให้โยงเข้ากับเทศกาลและโอกาสพิเศษต่าง ๆ
ยกตัวอย่างเช่น
- ของที่ระลึกหรือของขวัญปีใหม่ในรูปแบบปฏิทินปีใหม่ อาจจะออกแบบให้มีลูกเล่นพิเศษ เช่น มีข้อความให้กำลังใจประจำวัน หรือเป็นปฏิทินที่สามารถแปลงเป็นงานศิลปะได้
- ของขวัญ ของที่ระลึกในรูปแบบเสื้อยืดเทศกาลดนตรี ที่มีการออกแบบลายบนเสื้อให้สะท้อนธีมของงานโดยตรง โดยอาจจะมีการเลือกใช้เทคนิคการพิมพ์ที่เรืองแสงในที่มืด เหมาะสำหรับการใส่ในงานคอนเสิร์ตกลางคืน เป็นต้น
- ของขวัญพรีเมี่ยมในรูปแบบถุงผ้าเทศกาลสงกรานต์ อาจจะมีการเลือกใช้ผ้ากันน้ำพิมพ์ลายดอกไม้ที่สดใสเพื่อให้เข้ากับเทศกาลสงกรานต์โดยตรง ซึ่งมาพร้อมกับช่องใส่โทรศัพท์มือถือหรือสิ่งของขนาดเล็กที่สามารถกันน้ำได้ เป็นต้น
10. การจ้างศิลปินที่มีชื่อเสียงมาออกแบบผลงาน เพื่อสร้างมูลค่าและความแตกต่าง
อีกหนึ่งวิธีการเพิ่มคุณค่าให้กับของขวัญพรีเมี่ยมด้วยงบประมาณจำกัด ก็คือ การจ้างศิลปินที่มีชื่อเสียงมาออกแบบผลงานให้โดยเฉพาะเพื่อสร้างมูลค่าและความแตกต่าง โดยเฉพาะศิลปินท้องถิ่นที่มีฝีมือและเป็นที่รู้จัก การร่วมงานกับศิลปินกลุ่มนี้อาจมีราคาที่เอื้อมถึงได้มากกว่าศิลปินชื่อดังระดับประเทศที่ค่าตัวสูง ส่วนใหญ่แล้วศิลปินที่มีชื่อเสียงมักจะมีเอกลักษณ์และสไตล์เฉพาะตัวและเป็นที่น่าจดจำ ซึ่งจะช่วยสร้างกระแสและความน่าสนใจ รวมไปถึงสามารถสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์หรือธุรกิจได้มากยิ่งขึ้น โดยของที่ระลึกสุดพรีเมี่ยมเหล่านั้นยังมีคุณค่าทางด้านจิตใจของผู้รับมากอีกด้วย
สรุป
สำหรับวิธีการหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ในข้างต้น นับได้ว่าเป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้กับ ของพรีเมี่ยม ด้วยงบประมาณที่จำกัดได้ โดยหลัก ๆ แล้วการนำเสนอและส่งมอบของขวัญหรือของที่ระลึกที่ดีและสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้รับได้นั้น นับได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการสร้างความสำเร็จพร้อมทั้งเป็นที่ยอมรับขององค์กรหรือธุรกิจ ถือได้ว่าเป็นกระบวนการหนึ่งที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่น่าจดจำ และยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีพร้อมทั้งผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กรและบริษัทในระยะยาวได้อีกด้วย
Comments